อาชีพทางการเมืองในกรีซ ของ อีเลฟเทริออส เวนิเซลอส

การปฏิวัติโกวดีปีค.ศ. 1909

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวข้อนี้ โปรดดู รัฐประหารโกวดี
"หลังจากที่ข้าพเจ้าสำเร็จการศึกษาในเอเธนส์ ข้าพเจ้ากลับบ้านพร้อมกับแบกแถบใส่ลูกกระสุนปืนไปด้วย ข้าพเจ้าไม่เคยลองหรือพยายามมีปัญหากับสภาบริหารเกาะบ้านเกิดของข้าพเจ้ามาก่อน ก่อนที่มันจะกลายเป็นความจำเป็นของข้าพเจ้าที่จะจับอาวุธขึ้นสู้ต่อต้านรัฐบาลเติร์ก แม้ว่าบิดาของข้าพเจ้าจะเกิดในกรีซ แต่ข้าพเจ้าถูกพิจารณาว่าเป็นประชาชนของออตโตมัน ดังนั้นจึงเป็นกบฏ เพราะว่ามารดาของข้าพเจ้าเกิดภายใต้ธงของเติร์ก ในช่วงสิ้นสุดการปฏิวัติ ข้าพเจ้ากลับไปยังบ้านเกิดอีกครั้งและเริ่มภารกิจใหม่อีก ข้าพเจ้าไม่มีเวลาแต่ก็ไปไกลเกินเสียแล้ว ในการที่ต้องจับอาวุธขึ้นสู้อีกครั้งและเดินทางไปยังภูเขา ในเร็วๆนี้ ข้าพเจ้าได้มาจนถึงจุดที่ข้าพเจ้าต้องตัดสินใจแล้วว่าควรเป็นทนายความอาชีพและเป็นนักปฏิวัติตามช่วงเวลา หรือ เป็นนักปฏิวัติอาชีพและเป็นทนายความตามช่วงเวลา...โดยธรรมชาติแล้วข้าพเจ้ากลายเป็นนักปฏิวัติอาชีพ "

เวนิเซลอสกล่าวปาฐกถาในงานเลี้ยงที่จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่เขาโดยสื่อต่างประเทศในการประชุมสันติภาพ ปีค.ศ. 1919[42][43]

ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1909 จำนวนเจ้าหน้าที่ในกองทัพกรีกได้ลอกเลียนแบบมาจากกลุ่มยังเติร์กในคณะกรรมาธิการสหภาพและความก้าวหน้า ที่พยายามจะปฏิรู๔ปรัฐบาลแห่งชาติของประเทศและจัดระเบียบกองทัพ ดังนั้นจึงเป็นการสร้างสันนิบาตกองทัพ สันนิบาตนี้ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1909 ย้ายตั้งพักแรมอยู่ชานกรุงเอเธนส์ที่โกวดี ด้วยกันกับผู้สนับสนุนของพวกเขาได้บีบบังคับให้รัฐบาลของดีมิทริออส รอลลิสลาออก และจัดตั้งรัฐบาลใหม่ภายใต้นายกรัฐมนตรีคนใหม่คือ คีเรียโควลิส มัฟโรมิชาลิส เป็นการเข้ารับตำแหน่งภายใต้แรงกดดันทางทหารโดยตรงเหนือสภา แต่การสนับสนุนของสาธารณชนต่อสันนิบาตได้จางหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นได้ชัดว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ทราบถึงวิธีการที่จะตอบสนองความต้องการของพวกเขา[44] ภาวะทางตันทางการเมืองยังคงดำรงอยู่ต่อไปจนกระทั่งสันนิบาตได้เชิญเวนิเซลอสจากเกาะครีตเข้ามาดำเนินการในฐานะผู้นำ[45]

ภาพพิมพ์หินที่โด่งดังบรรยายถึง การเฉลิมฉลองความสำเร็จในการรัฐประหาร เป็นช่วงที่กรีซได้รับชัยชนะเหนือสัตว์ประหลาดของพรรคการเมืองระบอบเก่าที่ตายแล้ว โดยมีการโห่ร้องสรรเสริญจากกองทัพและประชาชน

เวนิเซลอสไปยังเอเธนส์หลังจากปรึกษาหารือกับสันนิบาตและกับผู้แทนในการเมืองโลก เขาเสนอจัดตั้งรัฐบาลใหม่และปฏิรูปรัฐสภากรีซ ข้อเสนอของเขาได้รับการพิจารณาจากพระมหากษัตริย์และนักการเมืองกรีกที่เป็นอันตรายต่อการสถาปนาการเมือง อย่างไรก็ตาม พระเจ้าจอร์จที่ 1 ทรงเกรงว่าจะเกิดวิกฤตการณ์มากขึ้น ทรงเรียกประชุมสภาและผู้นำทางการเมือง และทรงแนะนำให้พวกเขายอมรับข้อเสนอของเวนิเซลอส หลังจากมีการเลื่อนเวลาออกไปมาก พระมหากษัตริย์ทรงเห็นชอบที่จะแต่งตั้งให้สเตฟานอส ดรากูมิส (ซึ่งได้รับการชี้นำจากเวนิเซลอส) จัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่จะนำประเทศไปสู่การเลือกตั้งอีกครั้งเมื่อสันนิบาตได้ถูกยุบเลิกไป[46] ในการเลือกตั้งวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 1910 เหล่าผู้สมัครอิสระได้ที่นั่งในรัฐสภาเกือบครึ่ง ซึ่งจะกลายเป็นผู้มาใหม่ในฉากการเมืองกรีก แม้จะมีข้อสงสัยในการเป็นพลเมืองกรีกที่ถูกต้องของเวนิเซลอส และด้วยไม่มีการเลือกตั้งในแบบรายบุคคลที่สิ้นสุดที่ผู้เลือกตั้งสูงสุดในอัตติกา เขาได้รับการจัดตั้งให้เป็นผู้นำของฝ่ายอิสระในทันทีและดังนั้นเขาจึงตั้งพรรคการเมือง คือ พรรคโกมมาไฟเลฟทีรอน (พรรคเสรินิยม) ไม่นานหลังจากการเลือกตั้ง เขาเรียกร้องให้จัดการเลือกตั้งใหม่ด้วยหวังที่จะชนะเสียงข้างมาก พรรคเก่าได้ประกาศคว่ำบาตรการเลือกตั้งครั้งใหม่และในวันที่ 28 พฤศจิกายน ค.ศ. 1910 พรรคของเวนิเซลอสชนะการเลือกตั้ง 300 ที่นั่งจาก 362 ที่นั่งในรัฐสภา โดยเป็นการที่พลเรือนได้รับการเลือกตั้งเข้ามาในฉากการเมืองใหม่มากที่สุด[44] เวนิเซลอสจัดตั้งรัฐบาลและเริ่มปฏิรูปเศรษฐกิจ, การเมืองและกิจการระดับประเทศ

การปฏิรูปในปีค.ศ. 1910 - 1914

เวนิเซลอสพยายามเดินหน้าตามโครงการปฏิรูปของเขาในด้านอุดมการณ์ทางการเมืองและสังคม, การศึกษาและวรรณกรรม โดยการประนีประนอมความขัดแย้งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งอย่างเป็นรูปธรรม ในด้านการศึกษา ตัวอย่างเช่นพลวัตในปัจจุบันได้นิยมใช้ภาษาพูด ดีโมทิกิ ได้กระตุ้นปฏิกิริยาอนุรักษนิยม ซึ่งนำไปสู่การตัดสินใจในรัฐธรรมนูญ (มาตรา 107) ที่เห็นด้วยกับภาษาทางการที่ "บริสุทธิ์" คือ ภาษาคาทาเรวูซา ซึ่งมีลักษณะกลับไปยังยุคคลาสสิก[47]

ในวันที่ 20 พฤษภาคม ค.ศ. 1911 กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้เสร็จสิ้นซึ่งมุ่งเน้นไปที่การเสริมสร้างเสรีภาพส่วนบุคคล ด้วยมาตรการที่อำนวยความสะดวกแก่ฝ่ายนิติบัญญัติในรัฐสภา และการสร้างระบบการศึกษาระดับประถมศึกษาภาคบังคับ และสิทธิในการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ตามกฎหมาย ความมั่นใจในการแต่งตั้งข้าราชการระดับถาวร สิทธิในการเชิญบุคลากรชาวต่างชาติในการดำเนินการปรับโครงสร้างการบริหารและการทหาร การสร้างสภาแห่งรัฐอีกครั้งและความเรียบง่ายในการปฏิรูปรัฐธรรมนูญ จุดมุ่งหมายของการปฏิรูปคือการรักษาความปลอดภัยโดยรวมของประชาชนและการปกครองด้วยกฎหมาย เช่นเดียวกับการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพการผลิตเศรษฐทรัพย์ของประเทศ ในบริบทนี้วางแผนโดยกระทรวงทั้งแปด กระทรวงเศรษฐกิจแห่งชาติได้มีบทบาทนำ นับตั้งแต่ต้นปีค.ศ. 1911 กระทรวงนำโดย เอ็มมานูเอล เบนากิส พ่อค้าผู้มั่งคั่งชาวกรีกที่มาจากอียิปต์และเป็นเพื่อนของเวนิเซลอส[47] ในระหว่างปีค.ศ. 1911 และ 1912 จำนวนของกฎหมายมากมายที่มุ่งเน้นกรรมกรในกรีซได้รับการประกาศใช้ มาตรการที่เฉพาะเจาะจงได้มีข้อห้ามใช้แรงงานเด็ก และการทำงานของผู้หญิงในเวลากลางคืน ที่ซึ่งใช้เวลาในการทำงานและวันหยุด และนำไปสู่การก่อตั้งองค์กรแรงงาน[48] เวนิเซลอสยังคงใช้มาตรการในการปรับปรังุการบริหารจัดการ ความยุติธรรมและการรักษาควมสงบ และมีการจัดตั้งกลุ่มคนที่ไร้ที่ดินให้ตั้งถิ่นฐานที่เทสซาลี[47]

แหล่งที่มา

WikiPedia: อีเลฟเทริออส เวนิเซลอส http://nla.gov.au/nla.news-article1612186 http://www.britannica.com/eb/article-9038873 http://www.britannica.com/eb/article-9052680 http://www.britannica.com/eb/article-9075030 http://books.google.com/?id=2-zAeObDX_gC http://books.google.com/?id=9HGRx8ZotiUC http://books.google.com/?id=FV_i8P0ZSWQC http://books.google.com/?id=FusZfTDXOpoC http://books.google.com/?id=H5pyUIY4THYC http://books.google.com/?id=KQEH4vvG0KwC